วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

ประโยชน์ของกล้วยหอม



ประโยชน์ของกล้วยหอม
กล้วยหอม เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากเป็นผลไม้ที่คนไทยนิยมรับประทานกันเป็นจำนวนมากเพราะ สามารถหาทานได้ง่าย ในกล้วยหอมนั้นมีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายหลายชนิด ได้แก่ วิตามินบี 6 และ บี 12
โพเทสเซี้ยม
วิตามินซี
แมงกานิส
ฟอสฟอรัส 
และยังมีใยอาหารอีกด้วย กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง เพิ่มการเผ่าผลาญ และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล กล้วยหอม ยังเป็นเมนูที่คนรักสุขภาพนำมาเป็นอาหารได้หลากหลาย เพราะกล้วยหอมทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน ให้พลังงานได้เป็นอย่างดี แต่แคลอรี่ไม่สูงมากจึงกลายเป็นเมนูสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักได้ดี 



และกล้วยก็สามารถนำมาทำเป็นมาส์กหน้าได้โดยจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ช่วยลดความหยาบกร้านของผิว 

วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

อาหารหลัก 5 หมู่

อาหารหลัก 5 หมู่ พูดถึงอาหารแล้วทุกคนย่อมเข้าใจถึงสิ่งที่กินเพื่อให้หายหิว และหายอยาก แต่หลายคนไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์และโภชนาการของอาหารเหล่านั้น จึงทำให้บางคนมีภาวะขาดสารอาหาร และบางคนเกิดภาวะเสื่อมถอยของร่างกายเพราะไม่ได้อาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ ร่างกายจึงแสดงอาการออกมาตามสิ่งที่ขาดไป เช่น ขาดวิตามินเอ ทำให้ตาฟาง มองไม่เห็นในที่มืด เพราะไม่ได้กินผักผลไม้ให้เพียงพอ เป็นต้น ดังนั้น เราควรมาทำความรู้จักกับ อาหารหลัก 5 หมู่ อย่างถ่องแท้กันเถอะ

 

อาหารหลัก 5 หมู่ คือ อาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน 5 ชนิด โดยนำอาหารที่มีสารอาหารเหมือนกัน มาไว้ในหมวดหมู่เดียวกัน ซึ่งคนเราในแต่ละวันนั้น ต้องการสารอาหารทั้ง 5 ชนิด ดังนั้นเราควรกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่

 

อาหารหลัก 5 หมู่ จำแนกได้ดังนี้

 

 

หมู่ที่ 1 โปรตีน

หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต

หมูู่ที่ 3 วิตามิน

หมู่ที่ 4 แร่ธาตุ

หมู่ที่ 5 ไขมัน

 

เพื่อความเข้าใจง่ายเราจะจัด อาหารหลัก 5 หมู่ กันใหม่ เพื่อการจดจำที่ง่าย และ สามารถหาทานได้อย่างถูกต้อง จะได้มีประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งเราจะจำแนกออกเป็น 5 หมู่ และบอกประโยชน์ รวมทั้งตัวอย่างดังนี้

 

อาหารหลัก 5 หมู่ ดังนี้

 

อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วเมล็ดแห้ง (โปรตีน)

 

ให้สารอาหารประเภท โปรตีน

 

ประโยชน์

- ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค

- ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ของร่างกาย อันได้แก่แผลต่างๆ หรือจากการเจ็บป่วย

- จะถูกนำไปสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ เลือด เม็ดเลือด ผิงหนัง น้ำย่อย ฮอร์โมน ตลอดจนภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ

 

สรุปให้จำง่ายๆ คือ เจริญเติบโต ซ่อมแซม สร้าง

 

โปรตีน เป็นส่วนประกอบหลักของทุก ๆเซลล์ในร่างกาย จึงถือได้ว่าอาหารหมูนี้เป็นอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างของร่างกายในการเจริญเติบโต และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ

 

 

อาหารหมู่ที่ 2 ข้าวแป้ง น้ำตาล เผือก มัน (คาร์โบไฮเดรต)

 

ให้สารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต

 

ประโยชน์

- ให้ พลังงาน แก่ร่างกาย ให้ร่างกายสามารถทำงานได้

- ให้ ความอบอุ่น แก่ร่างกาย

 

สรุปให้จำง่ายๆ คือ ให้ พลังงาน+ความอบอุ่น

 

พลังงานที่ได้จากหมู่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ให้หมดไปวันต่อวันเช่น ใช้ในการวิ่ง เล่น เดิน ทำงาน การออกกำลังกายต่าง ๆ แต่ถ้ากินอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน และทำให้เกิดโรคอ้วนได้

 

อาหารหมู่ที่ 3 ผักต่างๆ (วิตามิน+แร่ธาตุ)

 

ให้สารอาหารประเภท วิตามิน และแร่ธาตุ

 

ประโยชน์

- ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานเชื้อโรค

- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ

- มีกากใยมาก ทำให้ลำใส้ทำงานปกติ ขับถ่ายง่าย

 

ตัวอย่างอาหารหลัก หมู่นี้ คือ ผักต่าง ๆ เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกาด และผักใบเขียวอื่น ๆ นอกจากนั้นยังรวมถึงพืชผักอื่น ๆ เช่น มะเขือ ฟักทอง ถั่วฝักยาว เป็นต้น

 

อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ (วิตามิน+แร่ธาตุ)

 

ให้สารอาหารประเภท วิตามิน และแร่ธาตุ

 

ประโยชน์

- ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานเชื้อโรค

- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ

- มีกากใยมาก ทำให้ลำใส้ทำงานปกติ ขับถ่ายง่าย

 

 

อาหารหมู่ที่ 5 น้ำมัน และไขมัน จากพืชและสัตว์ (ไขมัน)

 

ให้สารอาหารประเภท ไขมัน

 

ประโยชน์

- ให้พลังงานแก่ร่างกาย

- สะสมไว้ใต้ผิวหนังส่วนต่างๆ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และร่างกายจะดึงออกมาใช้เมื่อเวลาจำเป็น-

- ช่วยดูดซึมวิตามินชนิดละลายในไขมัน อันได้แก่ วิตามิน เอ ดี อี และ เค

 

 

สามารถแบ่งอาหาร กลุ่มไขมัน ได้เป็น 2 ประเภท

1 อาหารไขมันดี คือ ไขมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นซึ่งจัดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาใช้เองได้นั้นมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ รวมถึงใช้ในการผลิตฮอร์โมนบางชนิด อาหารที่อุดมไปด้วยไขมันดี ได้แก่ โอเมก้า 3 น้ำมันปลา ผัก ถั่วและเมล็ดธัญพืช

2.อาหารไขมันร้าย ได้แก่ ไขมันอิ่มตัว (ที่พบมากในเนื้อ เนย นมสดและเนยแข็ง) และไขมันทรานส์ (ที่พบมากในอาหารจำพวก มาการีน ขนมบรรจุและขนมอบ) โดยไขมันร้ายทั้งสองชนิดนี้จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและนำมาสู่โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เป็นต้น

 

 

ดังนั้นเราควรทานอาหารให้ได้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อจะได้ทำให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง เพื่อที่จะทำให้ร่างกายไม่เจ็บป่วย สุขภาพจิตใจ และร่างกาย ดีตลอดไป

 

ที่มา rakjung.com

 

วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561

เรากินอาหารครบ 5 หมู่ รึยัง

อาหารหลัก 5 หมู่ พูดถึงอาหารแล้วทุกคนย่อมเข้าใจถึงสิ่งที่กินเพื่อให้หายหิว และหายอยาก แต่หลายคนไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์และโภชนาการของอาหารเหล่านั้น จึงทำให้บางคนมีภาวะขาดสารอาหาร และบางคนเกิดภาวะเสื่อมถอยของร่างกายเพราะไม่ได้อาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ ร่างกายจึงแสดงอาการออกมาตามสิ่งที่ขาดไป เช่น ขาดวิตามินเอ ทำให้ตาฟาง มองไม่เห็นในที่มืด เพราะไม่ได้กินผักผลไม้ให้เพียงพอ เป็นต้น ดังนั้น เราควรมาทำความรู้จักกับ อาหารหลัก 5 หมู่ อย่างถ่องแท้กันเถอะ

 

อาหารหลัก 5 หมู่ คือ อาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน 5 ชนิด โดยนำอาหารที่มีสารอาหารเหมือนกัน มาไว้ในหมวดหมู่เดียวกัน ซึ่งคนเราในแต่ละวันนั้น ต้องการสารอาหารทั้ง 5 ชนิด ดังนั้นเราควรกินอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่

 

อาหารหลัก 5 หมู่ จำแนกได้ดังนี้

 

 

หมู่ที่ 1 โปรตีน

หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต

หมูู่ที่ 3 วิตามิน

หมู่ที่ 4 แร่ธาตุ

หมู่ที่ 5 ไขมัน

 

เพื่อความเข้าใจง่ายเราจะจัด อาหารหลัก 5 หมู่ กันใหม่ เพื่อการจดจำที่ง่าย และ สามารถหาทานได้อย่างถูกต้อง จะได้มีประโยชน์อย่างแท้จริง ซึ่งเราจะจำแนกออกเป็น 5 หมู่ และบอกประโยชน์ รวมทั้งตัวอย่างดังนี้

 

อาหารหลัก 5 หมู่ ดังนี้

 

อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วเมล็ดแห้ง (โปรตีน)

 

ให้สารอาหารประเภท โปรตีน

 

ประโยชน์

- ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค

- ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ของร่างกาย อันได้แก่แผลต่างๆ หรือจากการเจ็บป่วย

- จะถูกนำไปสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ เลือด เม็ดเลือด ผิงหนัง น้ำย่อย ฮอร์โมน ตลอดจนภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ

 

สรุปให้จำง่ายๆ คือ เจริญเติบโต ซ่อมแซม สร้าง

 

โปรตีน เป็นส่วนประกอบหลักของทุก ๆเซลล์ในร่างกาย จึงถือได้ว่าอาหารหมูนี้เป็นอาหารหลักที่สำคัญในการสร้างโครงสร้างของร่างกายในการเจริญเติบโต และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ

 

 

อาหารหมู่ที่ 2 ข้าวแป้ง น้ำตาล เผือก มัน (คาร์โบไฮเดรต)

 

ให้สารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต

 

ประโยชน์

- ให้ พลังงาน แก่ร่างกาย ให้ร่างกายสามารถทำงานได้

- ให้ ความอบอุ่น แก่ร่างกาย

 

สรุปให้จำง่ายๆ คือ ให้ พลังงาน+ความอบอุ่น

 

พลังงานที่ได้จากหมู่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ให้หมดไปวันต่อวันเช่น ใช้ในการวิ่ง เล่น เดิน ทำงาน การออกกำลังกายต่าง ๆ แต่ถ้ากินอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน และทำให้เกิดโรคอ้วนได้

 

อาหารหมู่ที่ 3 ผักต่างๆ (วิตามิน+แร่ธาตุ)

 

ให้สารอาหารประเภท วิตามิน และแร่ธาตุ

 

ประโยชน์

- ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานเชื้อโรค

- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ

- มีกากใยมาก ทำให้ลำใส้ทำงานปกติ ขับถ่ายง่าย

 

ตัวอย่างอาหารหลัก หมู่นี้ คือ ผักต่าง ๆ เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ผักกาด และผักใบเขียวอื่น ๆ นอกจากนั้นยังรวมถึงพืชผักอื่น ๆ เช่น มะเขือ ฟักทอง ถั่วฝักยาว เป็นต้น

 

อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ (วิตามิน+แร่ธาตุ)

 

ให้สารอาหารประเภท วิตามิน และแร่ธาตุ

 

ประโยชน์

- ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานเชื้อโรค

- ช่วยให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ

- มีกากใยมาก ทำให้ลำใส้ทำงานปกติ ขับถ่ายง่าย

 

 

อาหารหมู่ที่ 5 น้ำมัน และไขมัน จากพืชและสัตว์ (ไขมัน)

 

ให้สารอาหารประเภท ไขมัน

 

ประโยชน์

- ให้พลังงานแก่ร่างกาย

- สะสมไว้ใต้ผิวหนังส่วนต่างๆ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย และร่างกายจะดึงออกมาใช้เมื่อเวลาจำเป็น-

- ช่วยดูดซึมวิตามินชนิดละลายในไขมัน อันได้แก่ วิตามิน เอ ดี อี และ เค

 

 

สามารถแบ่งอาหาร กลุ่มไขมัน ได้เป็น 2 ประเภท

1 อาหารไขมันดี คือ ไขมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นซึ่งจัดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาใช้เองได้นั้นมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ รวมถึงใช้ในการผลิตฮอร์โมนบางชนิด อาหารที่อุดมไปด้วยไขมันดี ได้แก่ โอเมก้า 3 น้ำมันปลา ผัก ถั่วและเมล็ดธัญพืช

2.อาหารไขมันร้าย ได้แก่ ไขมันอิ่มตัว (ที่พบมากในเนื้อ เนย นมสดและเนยแข็ง) และไขมันทรานส์ (ที่พบมากในอาหารจำพวก มาการีน ขนมบรรจุและขนมอบ) โดยไขมันร้ายทั้งสองชนิดนี้จะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดและนำมาสู่โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ เป็นต้น

 

 

ดังนั้นเราควรทานอาหารให้ได้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อจะได้ทำให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง เพื่อที่จะทำให้ร่างกายไม่เจ็บป่วย สุขภาพจิตใจ และร่างกาย ดีตลอดไป

 

ที่มา rakjung.com

 

วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

5 วิธี ฝึกสร้างวินัยให้กับตนเอง

5 วิธี ฝึกสร้างวินัยให้กับตนเอง

ทุกๆ คนย่อมมีความฝันที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต และการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องลงมือทำและต้องทำอย่างต่อเนื่อง การลงมือทำอย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้การที่เราจะลงมือทำได้อย่างต่อเนื่องนั้นเราจึงต้องเป็นคนที่มีวินัยในการลงมือทำสิ่งต่างๆ โดยการมุ่งมั่นตั้งใจกับผลลัพธ์ที่เราต้องการ เช่น ต้องการลดน้ำหนัก ต้องการดูแลสุขภาพ ต้องการรถ บ้าน เงินทอง ต่างๆ เราต้องโฟกัสกับเป้าหมายของเราทุกวัน อย่างมีวินัย และการฝึกสร้างวินัย 5 วิธีมีดังนี้

1.การกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ต้องชัดเจนด้วยนะครับเพราะเมื่อเรากำหนดเป้าหมายได้อย่างชัดเจนแล้วเราจะเห็นภาพได้มากขึ้น เห็นเส้นทางของเป้าหมายได้มากขึ้น การกำหนดเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ในการสร้างความสำเร็จนะครับ

2.หาเหตุผลว่าทำไมจึงต้องทำตามเป้าหมายของเรา เช่น เป้าหมายเราอยากจะมีรถยนต์ ให้หาเหตุผลว่าทำไมเราถึงอยากมีรถยนต์ เช่น เราอยากจะเดินทางไปทำงานอย่างสะดวกสบาย ,เราอยากมีรถขับไปท่องเที่ยวในวันหยุด เราควรหาเหตุผลต่างๆที่จะทำตามเป้าหมายเราจะได้โฟกัสถึงเป้าหมายให้มากขึ้น

3.มองให้เห็นอุปสรรคหรือปัญหาของเป้าหมาย เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไรเราจะได้พบกับอุปสรรคหรือปัญหาอยู่เสมอ เมื่อเรามองเห็นปัญหานั้นแล้วเราจะได้หาทางแก้ไขได้ ไม่ท้อแท้หรือยอมแพ้ไปซะก่อน เช่น เมื่อเราอยากได้รถยนต์มีเป้าหมายชัดเจนแล้ว แต่เราขับรถไม่เป็น , อยู่คอนโดที่จอดรถก็ไม่ค่อยมี ปัญหาจะมีเข้ามามากมายหลายเรื่อง เมื่อเราเห็นปัญหาแล้วเราก็จะค่อยๆแก้ไปที่ละเรื่องได้ อย่าให้เหตุผลของปัญหาเข้ามาแทนที่เหตุผลของเป้าหมายนะครับ มันจะกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้เราล้มเหลวทันทีครับ

4.การสร้างนิสัยใหม่ๆ ให้กับตัวเอง เช่นบางคนชอบกินของหวานหลังอาหาร ,ชอบเรอเสียงดัง ,ชอบพูดเสียงดัง ,ชอบนอนดึก ตื่นสาย คือทำบ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติและกลายเป็นนิสัย วิธีการสร้างนิสัยใหม่ก็ง่ายๆ ครับเมื่อเราอยากสร้างนิสัยแบบไหนก็ให้ทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ก็จะเป็นนิสัยไปเองครับ เช่น อยากเข้านอนตอน 4ทุ่ม เมื่อใกล้ถึงเวลาก็ให้เตรียมตัวเข้านอนทำทุกวันให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราจะทำครับ

5.การมุ่งมั่นหรือจดจออยู่กับเป้าหมาย เมื่อเรากำหนดเป้าหมายชัดเจนและหาเหตุผลที่จะทำมันแล้วมองเห็นปัญหาและหาทางแก้ไขได้แล้วเริ่มสร้างนิสัยใหม่ที่จะนำพาตัวเราไปสู่ความสำเร็จ ทำบ่อยๆ ซ้ำๆ และให้เรามุ่งมั่นอยู่กับเป้าหมายของเราให้ความสำคัญกับเป้าหมายของเรา คิดและลงมือทำทุกวันจนเป็นนิสัย

ขอให้ทุกท่านฝึกสร้างวินัยให้กับตัวเองเพื่อไปสู้เป้าหมายที่ต้องการได้สำเร็จทุกท่านนะครับ

อดีตหรือปัจจุบันคือสิ่งตัดสินอนาคตของคุณ

อดีตหรือปัจจุบันคือสิ่งตัดสินอนาคตของคุณ

 

      มีหลายคนนะครับคิดว่าสิ่งที่ตัดสินอนาคตของตัวเราคืออดีตของเรา เช่น ในอดีตของเราครอบครัวเราพ่อแม่เราแยกทางกันมีปัญหาครอบครัว เด็กคนนี้ก็จะคิดว่าตัวเองเมื่อโตขึ้นมาก็จะเป็นเช่นเดียวกับพ่อแม่ที่มีปัญหาอย่าร้างหรือแยกทางกัน เพราะเด็กคนนี้อาจจะจำภาพในอดีตของตัวเองเพื่อนำมากำหนดอนาคตของเขา แท้ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ในอดีตไม่ใช่ตัวตัดสินอนาคตของเรานะครับ แล้วถ้าใครที่เชื่อว่าอดีตเป็นตัวกำหนดอนาคต ก็จะทำให้เขาเชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเปลื่ยนแปลงหรือกำหนดอนาคตได้

 

        ดังนั้นขอให้เชื่อว่าตัวเราเองนี้แหละที่สามารถเปลี่ยนแปลงและกำหนดอนาคตของเราได้และสิ่งสำคัญที่สุดคือการกระทำในปัจจุบันของเราคือสิ่งที่กำหนดอนาคตของเราได้ เพราะฉะนั้นเราสามารถกำหนดอนาคตของเราได้โดยการทำปัจจุบันของเราเปลี่ยนแปลงปัจจุบันของเราเพื่อกำหนดอนาคตของเราได้ คือการหาเหตุผลหรือเส้นทางที่จะจำให้เกิดผลในอนาคตมาทำในปัจจุบัน เช่น ถ้าวันนี้เราคิดว่าอีก 5 ปีข้างหน้าเราอยากจะมีบ้านเป็นของเราเองสักหลัง(คือ อนาคตเราอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง)เราก็หาวิธีว่าทำอย่างไรเราจะสามารถมีบ้านได้ ก็คือ ขยันทำงาน ออมเงิน เก็บเงิน เพื่อให้ซื้อบ้านที่เราต้องการในอนาคตได้สำเร็จ

วันพุธที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2560

การตัดสินใจของคุณมาจากอารมณ์หรือเหตุผล

           หลายๆ คนคงเคยต้องตัดสินใจในการที่จะต้องลงมือทำอะไรก็ตามแล้วเคยมาคิดดูหรือไม่ว่าการตัดสินใจของเรานั้น มาจากอารมณ์ หรือ เหตผล ผมเชื่อว่าโดยธรรมชาติแล้วมนุษย์เรามักจะตัดสินใจอะไรด้วยอารมณ์นะครับ เช่น เราอยากจะมีเงินเก็บให้ได้ 300,000 บาท ภายใน 5 ปี เพราะฉะนั้น เราต้อง เก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท ทุกเดือน ไป 5 ปี เราจะมีเงินเก็บถึง 300,000 บาทได้

           แต่ในความเป็นจริง เมื่อถึงเวลาจะเก็บเงินในแต่ละเดือน เราก็จะลืมเหตุผลว่าเราต้องการเก็บเงินให้ถึง 300,000 บาท ภายใน 5 ปี แต่กลับทำตามอารมณ์ที่ในแต่ละเดือนก็มีของอยากซื้อ อยากใช้จ่ายเงินจนทำให้ไม่มีเงินเก็บได้

           หรือ อีกตัวอย่าง เช่น แม่สั่งให้เราล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน (ก็คือทำงานบ้านช่วยแม่นั้นเอง) เรามักจะรู้สึกไม่อยากทำหรือขี้เกียจทำขึ้นมาทันที นั้นคือการตัดสินใจแว๊บแรกที่เข้ามา เราแทบจะไม่คิดเลยด้วยซ้ำว่าเหตุผลที่เราต้องไปทำงานบ้านช่วยแม่คืออะไร

         

           เพราะฉะนั้นการตัดสินใจด้วยอารมณ์คือการตัดสินใจจากจิตสำนึก ซืีงเป็นภาวะจิตที่คิดทันทีว่าต้องการอะไร อารมณ์แบบไหน เราตัดสินใจอะไรด้วยอารมณ์แน่นอนครับ แต่ผมอยากจะบอกว่าให้ฝึกอารมณ์ของเราครับให้อารมณ์ของเรารู้เหตุผลฝึกบ่อยๆ อารมณ์ของเราจะเปลี่ยนได้ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

ให้คิดอยู่เสมอว่า การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด

ให้คิดอยู่เสมอว่า การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด

 


เราเคยย้อนกลับมาดูตัวเองรึเปล่าครับ ว่าเรามีความรู้มากน้อยแค่ไหน อย่าคิดว่าเรารู้แล้ว ถ้าเราคิดเช่นนั้นเราจะปิดกั้นโอกาสที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เรื่องแบบนี้อาจจะดูไม่สำคัญ เพราะเมื่อคนเรารู้แล้วก็จะอวดตัวเองว่ารู้ ว่าเก่ง ไม่คิดที่จะรับสิ่งใหม่ๆ จนทำให้ตัวเองไม่มีการพัฒนาตนเอง แต่สำหรับคนที่คิดอยู่เสมอว่า ต้องเรียนรู้ให้มาก การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด จะได้รับสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลาและพัฒนาตนเองขึ้นเรื่อยๆ ทำไมการเรียนรู้ถึงไม่มีวันสิ้นสุด เพราะสิ่งต่างๆ บนโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดครับ ถ้าเราหยุดตัวเองใว้ที่จุดๆ นึง เราก็จะตามไม่ทันเลยครับว่าโลกเราพัฒนาไปถึงไหนแล้วอันนี้เป็นมุมกว้างๆ ครับ ถ้าพูดถึงเรื่องความสำเร็จก็ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญเลยครับ เช่นถ้าเป็นเรื่องธุรกิจหรือการประกอบกิจการ หากเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอก็จะทำให้เราสามารถดูแลธุรกิจของเราได้ดีไม่ตามหลังคู่แข่ง หรืออาจจะก้าวนำผู้อื่นด้วยซ้ำ เมื่อเราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ จะทำให้เรามองเห็นโอกาสมากกว่าคนอื่น เพราะสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเรา เราก็จะเปิดรับและเรียนรู้กับสิ่งนั้นและอาจจะเป็นโอกาสดีๆ สำหรับเราในที่สุด

       

          เมื่อเราเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเช่นนั้นแล้วเราจะรู้สึกได้ว่าจะมีสิ่งต่างๆ ให้เราได้เรียนรู้มากมาย การที่เราไม่ปฏิเสธการเรียนรู้ก็เท่ากับเรารับโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตเช่น มีเพื่อนโทรมาชวนเราไปขายของในวันหยุดงานเพื่อหารายได้เพิ่ม เราลองคิดดูทั้งสองทางนะครับ

          ทางแรก เราอาจจะคิดว่าทำไมเราต้องไปด้วยเราต้องไปทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำ ซึ่งมันไม่คุ้นเคย ต้องไปหัดขายของอีก ไม่รู้จะขายได้กำไรไหม ทางนี้เท่ากับเราไม่ยอมรับการเรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับชีวิต เราคิดว่าเราเป็นแบบเดิมดีอยู่แล้ว

          ทางที่สอง เรายินดีที่จะลองไปเรียนรู้การขายของในวันหยุดเพื่อหารายได้เสริม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เราสร้างโอกาสให้กับตัวเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ทำอะไรในสิ่งที่ไม่เคยทำบ้าง ที่สำคัญเราเป็นคนที่คิดบวกแล้วครับ

 

ลองเปิดโอกาสให้กับตัวเองดูบ้างนะครับ สิ่งต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตเราบางครั้งก็ไม่ได้มากันบ่อยๆ ถ้าไม่คว้าโอกาสนั้นใว้เราอาจจะไม่ได้พบเจอกับสิ่งนั้นอีกเลยทั้งชีวิตนะครับ

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

เป้าหมายความสำเร็จต้องชัดเจน

เป้าหมายความสำเร็จต้องชัดเจน 

                 

           เป้าหมายคือสิ่งที่หลายๆ คนพยายามที่จะไปให้ถึงแต่ทำไม

มีหลายคนที่ไปไม่ถึงเป้าหมายสักทีเป็นเพราะเป้าหมายของเราไม่มีความชัดเจนถึงแม้เราจะมีเป้าหมาย แล้ว แต่หากเป้าหมายเรากว้างเกินไปก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้ เช่น ถ้าเราอยากเป็นนักกีฬาฟุตบอล แล้วเราก็มีเป้าหมายว่าเราอยากเป็นนักฟุตบอล เป้าหมายเราก็จะดูกว้าง เกินไป เราต้องมีเป้าหมายให้ชัดเจนขึ้น คือเราอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ,นักฟุตบอลทีมชาติไทยตำแหน่งกองหน้า พยายามทำให้เป้าหมายของเราแคบลงและมองเห็นภาพชัดเจน ขึ้น หรือถ้าอยากรวย เราก็จะมีเป้าหมายว่าเราอยากเป็นคนรวย เราก็จะรู้แค่ว่าเราอยากจะเป็นคนรวย เราจะไม่รู้ว่าจะรวยแค่ไหน รวยเมื่อไหร่ หรือรวยยังไง เราต้องทำให้เป้า หมายชัดขึ้น คือ เราอยากรวยมีเงิน 10 ล้านบาท ตอนอายุ 40 ปี ด้วยการทำธุรกิจ...(อะไรก็ว่าไป) เมื่อทำให้เป้าหมายชัดเจนขึ้นแล้ว เราจะมองเห็นภาพในจินตนาการได้ชัดเจนขึ้น ภาพในหัวเราจะเกิดขึ้นว่าเราจะสำเร็จได้อย่างไร

 

 

           ขั้นตอนและเส้นทางสู่ความสำเร็จจะค่อยๆ เกิดขึ้น สิ่งสำคัญเป้าหมายของเราต้องชัดเจนมีภาพอยู่ในหัว(สมอง) เราทุกวัน และ ต้องบอกกับตัวเองทุกวันว่าเราต้องทำได้ เราต้องทำสำเร็จ จินตนาการภาพความสำเร็จของเราทุกวัน และต้องลงมือทำทันทีที่มีโอกาส หรือ มีช่องทางที่จะก้าวไปสู้ความสำเร็จ

         ขอให้ทุกๆ ท่านได้มีเป้าหมายความสำเร็จที่ชัดเจนขึ้นและก้าวไปสู่ความสำเร็จนั้นได้ทุกท่านนะครับ